8 เหตุผลที่ α7R III อยู่เหนือความคาดหมายของผม
โดย ดาร์เรน ซัวห์
ฉันใช้ Sony α7 โมเดล 'R' มาทุกรุ่นตั้งแต่ปี 2013 เมื่อครั้งที่พวกเขาได้รับเสียงเล่าลือเกี่ยวกับคุณภาพรูปอันน่าตกใจ ต่อมาในช่วงปลายปี 2017 Sony ได้ประกาศและเปิดตัว α7R III ซึ่งรวบรวมคุณสมบัติมากมายที่เหล่าช่างภาพมืออาชีพต่างโหยหา คุณคงเดาได้แล้วสินะว่าตอนนี้ α7R III เป็นกล้องตัวใหม่ที่ฉันเลือก ลองมาดูเหตุผลกันเถอะ
ยืดปริมาณแบตเตอรี่เป็นสองเท่า
แบตเตอรี่ NP-FW50 ขนาด 1100mAh ได้รับการพัฒนาแต่ละรอบหมุนของ α7 ซีรีส์ตั้งแต่ปี 2013 มันเคยใช้งานได้ดี แต่ผมอยากได้ปริมาณแบตเตอรี่ที่มากกว่านี้ Sony ได้รับฟังและได้เปิดตัวแบตเตอรี่ NP-FZ100 ขนาด 2280mAh ด้วย Sony α9 พร้อมปริมาณแบตเตอรี่สองเท่า ข่าวดีก็คือ α7R III ทั้งหมดใช้แบตเตอรี่ตัวเดียวกันได้ เพราะงั้นช่างภาพแบบผมเลยลงภาคสนามได้นานขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ
จอยสติ๊กสำหรับการโฟกัสอัตโนมัติ (AF) เพื่อการควบคุมที่แม่นยำ
ฉันรู้สึกยินดีมากจริงๆ สำหรับการเพิ่มจอยสติ๊กให้กล้องใหม่เพื่อควบคุมค่า AF ให้แม่นยำมากขึ้น รวมทั้งไม่มีการคุ้ยเมนูเพื่อตั้งค่าตามต้องการอีกต่อไป เพราะกล้อง α7R III มีฟังก์ชันสั่งการด้วยสัมผัสเพียงครั้งเดียวเพื่อเปิดโฟกัสอัตโนมัติ (AF) เหมือนกับ Sony α9 ซึ่งทำให้กล้องใหม่นี้สะดวกสำหรับผู้ใช้งานมากขึ้น เมื่อต้องการจัดองค์ประกอบภาพใหม่และเลือกพื้นที่โฟกัสนอกจุดศูนย์กลาง หลักแหลมมาก
เขียนข้อมูลลงการ์ดด้วยความรวดเร็วที่เพิ่มมากขึ้นถึง 4 เท่า
หาก α7R II เป็นกล้องรุ่นตอบสนองต่อสัมผัส กล้อง α7R III จะคอยเขียนข้อมูลการเปรียบเทียบใหม่ลงบนประสิทธิภาพการเขียนข้อมูลลงการ์ด คุณสามารถสนุกกับความเร็วมากกว่า 120MB/วินาที ได้เพราะกล้อง α7R III รองรับ SD การ์ดของ UHS-II ซึ่งจะเร็วกว่าบรรพบุรุษรุ่นก่อนหน้ามากถึง 4 เท่า อีกอย่างคือผมรักการออกแบบช่องเสียบ SD การ์ดแบบสองช่องมาก เพราะผมสามารถแยกการ์ดหนึ่งสำหรับบันทึกภาพ JPEG และอีกการ์ดหนึ่งสำหรับเก็บไฟล์ RAW ได้ นั่นหมายความว่าผมจะส่งภาพ JPEG ให้เพื่อนไปวางผังเนื้อหา ขณะเดียวกันผมก็จัดการกับไฟล์ RAW ได้ในยามว่าง
ปรับปรุง EVF และคุณภาพ LCD ด้านหลัง
มุมมองที่มีต่อกล้องรุ่นใหม่เป็นไปในทางที่ดีมากขึ้น การอัปเกรดความละเอียดครั้งใหญ่ของช่องมองภาพแบบไฟฟ้า (Electronic Viewfinder) (3686k-dot EVF บน α7R III vs. 2359k-dot EVF บน α7R II) ทำให้การโฟกัสด้้วยตนเองง่ายดาย เช่นเดียวกับแผงด้านหลังของ LCD (1440k-dot บน α7R III vs. 1229k-dot บน α7R II) การปรับปรุงครั้งนี้อาจไม่ได้น่าทึ่งมากนัก แต่ก็ช่วยให้การเรียกดูภาพและการถ่ายภาพโหมดไลฟ์-วิว (Life-View) ด้วย LCD มีความราบรื่นขึ้นมาก
ปุ่มพร้อมการตอบสนองกลับทางสัมผัสที่มากขึ้น
ปุ่มและแป้นหมุนบน α7R III จะเคลื่อนย้ายได้มากขึ้น และให้การตอบสนองกลับทางสัมผัสมากกว่ากล้องรุ่น α7 ตัวอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถพิสูจน์ได้จากการกดปุ่มชัตเตอร์ สิ่งนี้อาจดูเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ แต่ช่วยให้สัมผัสถึงการตอบสนองของกล้องได้มากขึ้น รวมทั้งปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งานทั้งหมดได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
การถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยโหมดชัตเตอร์ไฟฟ้า
กล้อง α7R III ในตอนนี้สามารถถ่ายภาพในโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องได้เงียบไร้และซึ่งการสั่นมากถึง 10fps แล้ว พร้อมด้วยชัตเตอร์ไฟฟ้าและไฟล์ที่บันทึกเป็นรูปแบบ 14 บิทเพื่อละติจูดของภาพที่ดีขึ้นในระหว่างการโพสต์ ซึ่งเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ยิ่งกว่ารุ่น α7R II ที่มีโหมดถ่ายภาพแบบเงียบได้ทีละเฟรม และบันทึกไฟล์ได้เพียงแค่ 12 บิท
ปรับปรุงความเร็ว AF และอัตราถ่ายภาพต่อเนื่อง
ความเร็ว AF ของ α7R III คือการปรับปรุงครั้งใหญ่ถัดจาก α7R II ดังนั้นตอนนี้คุณจึงสามารถตามถ่ายสิ่งที่เคลื่อนไหวในที่แสงน้อยอย่างมั่นใจได้แล้ว ซึ่งผลลัพธ์ก็คือภาพที่คมชัดมากขึ้นด้วย AF ที่ปรับปรุงใหม่นั่นเอง
โหมดพิกเซลชิฟท์ (Pixel Shift)
การถ่ายด้วยโหมดพิกเซลชิฟท์ทำให้รูปมีความละเอียดมากหากใช้งานอย่างถูกต้อง (ซึ่งต้องไม่มีสิ่งเคลื่อนไหวในฉาก) เป็นการผสานข้อมูลจากไฟล์ RAW สี่ภาพ ซึ่งแต่ละภาพจะสร้างด้วยการขยับเซ็นเซอร์อย่างละเอียดที่เพิ่มทีละ 1 พิกเซล โดยซอฟท์แวร์ได้ผลิตไฟล์ 42.4 ล้านพิกเซลที่ประกอบขึ้นจากหลายส่วน เลยทำให้การสร้างสีและรายละเอียดของสีออกมาดูยอดเยี่ยม อีกทั้งไฟล์ยังสามารถยืดขยายได้ในการปรับแก้ก่อนลงจริงเพื่อจำลองไฟล์ภาพที่ถ่ายด้วยกล้อง 90MP นอกเหนือจากรายละเอียดที่เพิ่มเข้ามาแล้ว เหล่าช่างภาพยังสามารถสนุกกับการปรับปรุงแบบเบ็ดเสร็จในพิสัยแบบไดนามิก และการแก้ไขรูปแบบซับซ้อนของมัวเรได้อีกด้วย
สรุปแล้ว – นี่คือทางเลือกใหม่ของกล้องผมครับ
สำหรับผู้ที่ถนัดการโฟกัสแมนนวลแบบผม ความละเอียดของ EVF และ LCD ที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ผมชอบโหมด Pixel Shift แบบใหม่ ซึ่งให้ไฟล์ภาพที่มีความละเอียดอย่างเหลือเชื่อ และสามารถปรับให้มีความละเอียด 90MP ได้ก่อนใช้งานจริง ทำให้การถ่ายภาพนิ่งและภาพสิ่งตกแต่งภายในออกมาสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดที่สำคัญอื่นๆ เช่น อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น (มากกว่าเดิม 2 เท่า), การจับถือที่กระชับมากขึ้น และโหมดการถ่ายภาพต่อเนื่องแบบไร้เสียง ช่วยให้ α7R III เหมาะสำหรับการทำงานในระดับมืออาชีพมากยิ่งขึ้น นั่นหมายความว่า Sony รับฟังความคิดเห็นจากเหล่าช่างภาพ และนำไปขัดเกลาขีดความสามารถในการใช้งานจากรุ่นสู่รุ่น ผมคิดว่าถ้าตอนนี้คุณกำลังใช้งาน α7R หรือ α7R II อยู่ กล้องตัวใหม่นี้มี "ลูกเล่นเสริม" มากมายที่จะทำให้คุณสนุกกับการใช้งาน
a7R III
ILCE-7RM3